กวาวเครือขาว
ชื่อวิทยาศาสตร์ของกวาวเครือขาวคือ : Pueraria candollei Grah. ex Benth var mirifica (Shaw & Suvat.) Niyomdham ประกอบด้วยสาร : miroestrol,daidzein ,genistin,puerarin , deoxymiroestrol เป็นต้น ต้นกวาวเครือขาวมีลักษณะเถาและมีใบคล้ายถั่วแปบหรือถั่วพลู ออกดอกเป็นช่อสี ม่วง มีฝักเล็กแข็ง มีขนแข็ง คล้ายฝักถั่วแระ เมื่อฝักแก่และแห้งก็จะแตกกระจายเมล็ดลงสู่ พื้น เพื่อแพร่พันธุ์ต่อไป กวาวเครือขาวมีหัวอยู่ที่ปลายรากกลมบ้างยาวรีบ้าง อายุยิ่งมากหัวก็ยิ่งโตและมีสารที่ มีประโยชน์มากขึ้น หัวกวาวเครือขาวจะขุดไปใช้ได้ก็ต่อเมื่อใบร่วงหมดแล้ว กวาวเครือ ขาวนิยมปลูกกันมากทางภาคเหนือ สารที่ออกฤทธิ์สำคัญที่พบในหัวกวาวเครือขาวเป็นสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอส โตรเจนในเพศหญิงได้แก่ miroestrol และ deoxymiroestrol ซึ่งมีฤทธิ์แรง เป็นสารที่มี ฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเพศหญิงจึงช่วยกระตุ้นลักษณะความเป็นผู้หญิงออกมา เช่นหน้าอก ขยายใหญ่ หน้าอกของผู้หญิงจะขยายใหญ่ขึ้นขนาด 0.5-1 นิ้วในระยะเวลา 2-3 เดือน กระบวนการที่ทำให้หน้าอกขยายจะดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงระดับหนึ่งที่เมื่อหน้าอก กระชับแล้วกระบวนการนี้ก็จะสิ้นสุดลง นอกจากนี้สาร miroestrol ยังช่วยทำให้ผิวพรรณสดใส ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นกลับเต่ง ตึงมีน้ำมีนวล ลดรอยเหี่ยวย่นเนื่องจากสาร miroestrol จะไปกระตุ้นการทำงานของระบบ ฮอร์โมนในร่างกาย ส่งผลให้มีการเพิ่มเส้นใย คอลลาเจน ทำให้ผิวพรรณบริเวณใบหน้า และร่างกายเกิดความเปล่งปลั่ง เนียนนุ่ม ช่วยลด สิว ฝ้า กระ จากฮอร์โมนที่ขาดสมดุล กวาวเครือขาวจะช่วยสมานริ้วรอยบนใบหน้าจากความแห้งกร้าน ทำให้ผิวผุดผ่องขาว เนียนดังธรรมชาติเนื่องจากกวาวเครือขาวนั้นอุดมไปด้วยวิตามินจากธรรมชาติอย่างมาก มาย กวาวเครือขาวมีสรรพคุณเป็นประโยชน์กับเพศหญิงโดยเฉพาะ ดังนี้ - ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ลดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนผิวกาย และลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า - กวาวเครือขาวช่วยให้ผมขาวกลับคืนสภาพปรกติ และลดการหลุดร่วงของเส้นผม - กวาวเครือขาวสามารถช่วยขยายทรวงอกให้ใหญ่ขึ้นและทรวงอกที่หย่อนคล้อยจะกลับ มาเต่งตึง - สตรีที่มีปัญหาปวดประจำเดือน และประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เมื่อรับประทานกวาว เครือขาวแล้วจะทำให้ประจำเดือนมาเป็นปรกติ - กวาวเครือขาวจะทำให้ร่างกายสดชื่น คลายเครียด และนอนหลับสบาย - เมื่อรับประทานกวาวเครือขาวเป็นประจำจะชะลอความแก่ และเป็นสมุนไพรอายุวัฒนะ - ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งในทรวงอก และมะเร็งในมดลูก (จากการวิจัยของโรง พยาบาลพระมงกุฎ และได้รับการยอมรับจากนักวิชาการของกระทรวงสาธารณสุข กรม วิทยาศาสตร์การแพทย์ สถาบันแพทย์แผนไทยและสถาบันมะเร็งแห่งชาติ) |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น